หลักสูตรเสริมทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เพื่อนำไปใช้
8หลักการและเหตุผลของการจัดหลักสูตร
การศึกษานับเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพของคนในประเทศ
เพราะรากฐานของชาติ คือ คน รากฐานของคนที่คุณภาพ คือ การศึกษา ดังนั้นการศึกษาจะช่วยสร้างความเจริญที่ยั่งยืนในอนาคตได้
การเตรียมคนที่มีคุณภาพเพื่อเป็นผู้นำด้านต่าง ๆ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่จะนำพาชาติให้เจริญก้าวหน้า
การปรับโครงสร้างทางการศึกษา การปฏิรูปการศึกษาต้องทำอย่างจริงจังและจริงใจ ต้องร่วมมือกันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทางการศึกษา
การฝึกฝนคนที่มีสติปัญญาให้ได้เป็นผู้นำในการแก้ปัญหาต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ อันเป็นกำลังสำคัญในการบริหารและพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 11
เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาคนในสังคมไทย
และจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาเยาวชนสู่ศตวรรษที่ 21 ซึ่งเครือข่าย P21 (Partnership for 21st Century Skills) ได้ออกแบบการศึกษาในยุคนี้ต้องประกอบด้วย 3R’s และ 7C’s
โดย 3 R
ได้แก่ 1. อ่านออก (Reading) 2. เขียนได้(Writing) 3. คิดเลขเป็น (Arithmetic) และ 7C ได้แก่ 1.Critical thinking & problem solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก้ปัญหา)
2.Creativity & innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์
และนวัตกรรม) 3.Cross-cultural understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม
ต่างกระบวนทัศน์) 4.Collaboration, teamwork & leadership (ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ)
5.Communications, information & media literacy (ทักษะด้านการสื่อสาร
สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ) 6.Computing & ICT literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) 7.Career
& learning skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้) จะเห็นได้ว่าทักษะเพื่อการดำรงชีวิตในศตวรรษที่
21 ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม
จะเป็นตัวกำหนดความพร้อมของนักเรียนเข้าสู่โลกการทำงานในปัจจุบันที่มีความซับซ้อนมากขึ้น
ได้แก่ ความริเริ่มสร้างสรรค์และนวัตกรรม การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา การสื่อสารและการร่วมมือ ในการพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ 5 ประการ ได้แก่ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3.
ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
จากข้างต้นความสามารถในการแก้ปัญหาเป็นความสมรรถนะหนึ่งที่สำคัญในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ
ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ
เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคม แสวงหาความรู้
ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น
ต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ผลักดันโรงเรียนให้พัฒนาเป็นโรงเรียนมาตรฐานสากลมีการพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนการสอนให้มีความเป็นพลวัต ก้าวทันกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพของการจัดการศึกษาให้พร้อมสำหรับการแข่งขันในเวทีโลกในยุคศตวรรษที่ 21 ดังนี้ 1.โรงเรียนต้องเป็นหน่วยบริการทางการศึกษาในมิติที่กว้างขึ้น 2.หลักสูตรและการเรียนการสอนต้องมีความเป็นสากลมากขึ้น 3.ต้องมีการพัฒนาทักษะการคิดมากขึ้น 4.ต้องมีการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมมากขึ้น 5.การสอนภาษาต่างประเทศต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นโรงเรียนจึงต้องจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับปฏิญญาที่ว่าด้วยการจัดการศึกษาของ UNESCO ทั้ง 4 ด้าน คือ Learning to Know, Learning to Do, Learning to Live Together, และ Learning to Be เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีศักยภาพเป็นพลโลก มีทักษะ ความรู้ ความสามารถ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับเดียวกับมาตรฐานของสากล หรือมาตรฐานของประเทศที่มีคุณภาพการศึกษาสูง
คณิตศาสตร์เป็นวิชาหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญมากต่อการพัฒนาความคิดมนุษย์
ทำให้มนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล
เป็นระบบและมีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วน รอบคอบ
ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหา และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม นอกจากนี้คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและศาสตร์อื่น คณิตศาสตร์จึงมีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต
ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
โดยในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ในสาระที่ 6 ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
มาตรฐาน ค 6.1 มีความสามารถในการแก้ปัญหา
การให้เหตุผล การสื่อสาร การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนำเสนอ
การเชื่อมโยงความรู้ต่าง ๆ ทางคณิตศาสตร์และเชื่อมโยงคณิตศาสตร์กับศาสตร์อื่นๆ และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
เพื่อพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนและเป็นส่วนหนึ่งในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551
มนุษย์มีการแก้ปัญหาอยู่ตลอดเวลาเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
ความเจริญก้าวหน้าของโลกที่เกิดขึ้นก็เกิดจากการรู้จักแก้ปัญหาของมนุษย์
ซึ่งทักษะการแก้ปัญหาเป็นทักษะพื้นฐานสำหรับการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ส่งเสริมความสามารถในระดับต่างๆที่จะนำไปสู่การประสบความสำเร็จในชีวิต ทักษะการแก้ปัญหานี้จะส่งผลต่อทักษะอื่นๆ
ได้แก่ ความคิดสร้างสรรค์ และความคิดวิจารณญาณ
และส่งเสริมกลยุทธ์ต่างๆ ได้แก่ การสังเกต การออกแบบ การตัดสินใจ
การระดมสมองทำงานเป็นกลุ่ม และใช้เป็นเครื่องมือหาคำตอบ การแก้ปัญหาเป็นกิจกรรมที่สำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์
ดังนั้นการแก้ปัญหาจึงมีความสำคัญในการจัดการศึกษาของมนุษย์ด้วย
เหล่านี้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝนและพัฒนา
สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร
อีกทั้งปัจจุบันนี้ผู้เรียนยังขาดการฝึกฝนทักษะการแก้โจทย์ปัญหา
และยังคิดวิเคราะห์ไม่คล่อง ทำให้ไม่ชอบเรียนเรื่องโจทย์ปัญหา
ดังนั้นผู้สอนจึงจำเป็นต้องศึกษาทำความเข้าใจในทักษะการแก้โจทย์ปัญหา
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
จากแนวคิดปรัชญาการศึกษาสารัตถนิยมที่กล่าวว่าหลักสูตรที่เน้นเนื้อหา
(Subject
–
matter Oriented) เป็นหลักสำคัญ จะต้องมีการจัดลำดับของเนื้อหาไว้อย่างเป็นระบบต่อเนื่องตามขั้นตอนความยากง่าย
จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนการสอน อีกทั้งแนวคิดสารัตถนิยมสนับสนุน 3R’s คือ การอ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็น และความเชื่อตามปรัชญานี้ ผู้เรียน
คือ ดวงจิตเล็กๆ และประกอบด้วยระบบประสาทสัมผัส
ครูคือต้นแบบที่ดีที่มีความรู้จึงจำเป็นต้องทำหน้าที่อบรมสั่งสอนนักเรียนโดยการแสดงการสาธิต
หรือเป็นนักสาธิตให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และเห็นอย่างจริงจัง ซึ่งเหมาะสมสำหรับวิชาคณิตศาสตร์ที่จะนำมาใช้ในเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอน
เนื่องจากวิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่เป็นนามธรรม
มีเนื้อหาที่ผู้เรียนไม่สามารถสร้างเองได้ เรียนรู้จากสมบัติ
ทฤษฎีที่ถูกกำหนดขึ้นแล้วนำมาประยุกต์ใช้ และแนวคิดจากปรัชญาการศึกษาพิพัฒนาการนิยมมีความเชื่อว่าความรู้มีหน้าที่ช่วยมนุษย์แก้ปัญหา
จะเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด ถ้านำความรู้ที่ได้ไปใช้ได้ผลจริงๆ ถือว่ามีความสำคัญที่สุดต่อการเรียนรู้
และจะต้องให้ผู้เรียนได้รู้จักที่จะแก้ไขปัญหาของตนเองและสังคมได้ ซึ่งนำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ได้เช่นเดียวกัน
จากการวิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียนในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่
6 พบว่าผู้เรียนส่วนมากขาดทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
วิเคราะห์ ตีความ และแสดงวิธีคิดโจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ไม่ค่อยถูกต้อง
ซึ่งทักษะการแก้ปัญหาเป็นทักษะ/กระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญสำหรับวิชาคณิตศาสตร์
และในเนื้อหาที่มีการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์เป็นเรื่องที่เป็นปัญหามากสำหรับผู้เรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่
4 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้แก่ โจทย์ปัญหาจำนวนนับ
โจทย์ปัญหาการวัดความยาว/น้ำหนัก/ปริมาตร โจทย์ปัญหาเวลา โจทย์ปัญหาเศษส่วน โจทย์ปัญหาทศนิยม โจทย์ปัญหาร้อยละ และโจทย์ปัญหารูปสามเหลี่ยม
รูปสี่เหลี่ยม รูปวงกลม ดังนั้นการจัดทำหลักสูตรเสริมทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เพื่อนำไปใช้ในครั้งนี้จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมผู้เรียนให้สามารถแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ได้ดียิ่งขึ้น
อีกทั้งเมื่อผู้เรียนเรียนรู้แล้วสามารถนำความรู้เหล่านี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยผู้สอนจะต้องมีการจัดการเรียนการสอนอย่างเหมาะสมเป็นระบบ
เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนให้บรรลุตามวัตถุประสงค์
8วิสัยทัศน์
ผู้เรียนมีทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เพิ่มพูนความสามารถทางการคิด พิชิตปัญหาในยุคศตวรรษที่ 21
8พันธกิจ
1. สริมสร้างผู้เรียนให้คิดแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
2.
สร้างผู้เรียนให้มีความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์และพัฒนาทักษะการคิด
8เป้าหมาย
1.
ผู้เรียนมีทักษะและความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ได้ในระดับดี เทียบกับระดับผล
สัมฤทธิ์ทางการเรียน
2.
ผู้เรียนมีความสามารถในการใช้ยุทธวิธีแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ
ได้อย่างหลากหลาย
3. ผู้เรียนมีความสามารถในการนำการกระบวนการแก้ปัญหาและยุทธวิธีทางคณิตศาสตร์ที่หลากหลายไปใช้แก้ปัญหาคณิตศาสตร์ในสถานการณ์จริงได้
8สมรรถนะของผู้เรียน
1.
แก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เป็น
2.
ใช้ยุทธวิธีที่หลากหลายในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
3.
นำการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ไปใช้จริงในชีวิตประจำวัน
8คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน
1.
มีความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
2. มีความสามารถในการให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์
3. มีความสามารถในการสื่อสาร สื่อความหมายทางคณิตศาสตร์และนำเสนอ
4.มีความสามารถในการเชื่อมโยงความรู้ต่างๆ ทางคณิตศาสตร์และเชื่อมโยงคณิตศาสตร์กับศาสตร์อื่น
ๆ
5.
มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
การพัฒนาหลักสูตรเสริมทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เพื่อนำไปใช้
มีขั้นตอนในการดำเนินการ 4 ขั้นตอน ดังนี้
1.
การสร้างหลักสูตร
โดยองค์ประกอบต่างๆ ของหลักสูตรเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบความสำเร็จของผู้เรียนว่าบรรลุตามเป้าหมายของหลักสูตรหรือไม่
มี 2
ขั้นตอน ได้แก่
1.1 การวางแผน
เป็นการศึกษา วิเคราะห์สภาพปัจจุบัน
ทั้งสภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียนในการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ สภาพสถานศึกษาและสภาพสังคมที่เกี่ยวข้องกับผู้เรียน พื้นฐานด้านปรัชญา จิตวิทยา ทฤษฎีการเรียนรู้ ทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 และทักษะ/กระบวนการทางคณิตศาสตร์(ทักษะการแก้ปัญหา) แล้วสังเคราะห์เป็นสิ่งที่ต้องการสร้างให้เกิดขึ้นกับตัวผู้เรียน
และกำหนดเป็นชื่อหลักสูตรที่ต้องการพัฒนา “หลักสูตรเสริมทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เพื่อนำไปใช้”
1.2 การออกแบบ ในขั้นตอนนี้จะได้โครงร่างหลักสูตรเสริมทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เพื่อนำไปใช้
ที่ประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ ได้แก่ วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย สมรรถนะ
และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับตัวผู้เรียนเมื่อจบหลักสูตร โครงสร้างรายวิชา คำอธิบายรายวิชา แผนการจัดการเรียนรู้ และประเมินผลการเรียนรู้
2.
การใช้หลักสูตร
เป็นการทดลองใช้หลักสูตร ทั้งการบริหารหลักสูตร ได้แก่ การดำเนินการตามแผน
การจัดตารางสอน คู่มือผู้เรียน ความพร้อมของผู้สอนและผู้เรียน และการจัดการเรียนการสอน โดยต้องปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาอยู่ตลอดเวลา
3.
การประเมินผล
เป็นกระบวนการตัดสินความสำเร็จของผู้เรียนว่าบรรลุตามเป้าหมายของหลักสูตรหรือไม่
และเป็นการตรวจสอบประสิทธิภาพของหลักสูตร มี 2 ด้าน
ได้แก่
3.1
การประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน
เมื่อนำหลักสูตรไปทดลองใช้
จะสามารถประเมินผู้เรียนได้
ซึ่งกระบวนการประเมินที่เหมาะสม คือ The SOLO Taxonomy เป็นการประเมินผลทั้งวิธีการเรียนรู้ของผู้เรียน และวิธีการสอนของผู้สอนว่าผู้เรียนมีวิธีการเรียนรู้อย่างไรและผู้สอนมีวิธีการอย่างไรที่ช่วยให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการทางปัญญาที่มีความซับซ้อนและมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
การประเมินจากผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน โดยใช้ The SOLO Taxonomy จะช่วยให้ผู้เรียนและผู้สอนตระหนักถึงองค์ประกอบที่หลากหลายจากหลักสูตรได้ชัดเจนขึ้น สามารถนำมาใช้ประเมินหลักสูตรเสริมทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เพื่อนำไปใช้ โดยพิจารณาเป้าหมายคุณภาพของผู้เรียนได้ดังนี้
ตารางแสดง
โครงสร้างการสังเกตเป้าหมายคุณภาพผู้เรียน โดยใช้ The SOLO
Taxonomy
การจัดลำดับ SOLO
|
เป้าหมายคุณภาพผู้เรียน
|
1. Pre-structural
(ระดับโครงสร้างขั้นพื้นฐาน)
| 1. ผู้เรียนมีทักษะและความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ได้ในระดับปรับปรุง
เทียบกับระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2. ผู้เรียนไม่สามารถใช้ยุทธวิธีแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ในสถานการณ์ต่างๆ ได้
|
2. Uni-structural
(ระดับโครงสร้างเดียว)
|
1. ผู้เรียนมีทักษะและความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ได้ในระดับพอใช้
เทียบกับระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2. ผู้เรียนใช้ยุทธวิธีแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ในสถานการณ์ต่างๆ ได้ตามที่ตัวอย่างกำหนดให้
|
3. Multi-structural
(ระดับโครงสร้างหลากหลาย)
|
1. ผู้เรียนมีทักษะและความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ได้ในระดับดี เทียบกับระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2. ผู้เรียนใช้ยุทธวิธีแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย
3.
ผู้เรียนนำการกระบวนการและยุทธวิธีแก้ปัญหาทาง
คณิตศาสตร์ที่หลากหลายไปใช้แก้ปัญหาคณิตศาสตร์ในสถานการณ์จริงได้ |
4. Relational
(ระดับสัมพันธ์ของโครงสร้าง)
|
1. ผู้เรียนมีทักษะและความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ได้ในระดับดี เทียบกับระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2. ผู้เรียนใช้ยุทธวิธีแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ในสถานการณ์ต่างๆ และในสถานการณ์จริงได้อย่างหลากหลาย
3.
ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงกระบวนการและยุทธวิธีแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่หลากหลายไปใช้แก้ปัญหาคณิตศาสตร์ในสถานการณ์จริงได้
|
5. Extended abstract
(ระดับความต่อเนื่องภาคขยาย)
|
1. ผู้เรียนมีทักษะและความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ได้ในระดับดีมาก
เทียบกับระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2. ผู้เรียนใช้ยุทธวิธีแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ในสถานการณ์ต่างๆ และในสถานการณ์จริงได้อย่างหลากหลาย
และใช้วิธีการที่คิดขึ้นเองในการแก้ปัญหา
3.
ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงกระบวนการและยุทธวิธีแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่หลากหลาย
และแปลกใหม่หรือวิธีการที่คิดขึ้นเองไปใช้แก้ปัญหาคณิตศาสตร์ในสถานการณ์จริงได้
|
3.2 การประเมินหลักสูตร เป็นการประเมินทุกองค์ประกอบของหลักสูตรจากการทดลองใช้หลักสูตร
โดยประเมินระหว่างการดำเนินการใช้หลักสูตร และประเมินจุดเด่น/จุดด้อยของหลักสูตร
4.
การปรับปรุงและแก้ไข
นำข้อบกพร่องที่ได้จากการทดลองใช้หลักสูตรมาปรับปรุงและแก้ไขหลักสูตรเสริมทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เพื่อนำไปใช้ก่อนที่จะนำไปใช้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น