ปัจจุบันนี้การจัดการศึกษาในระบบการศึกษาไทยตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพ.ศ.2551
มีการเพิ่มเติมคุณลักษณะพิเศษของโรงเรียนอย่างหลากหลาย คำว่า World
Class Standard School
ก็เป็นทางเลือกหนึ่งในการยกระดับคุณภาพของโรงเรียน ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมอบหมายให้สำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นผู้รับผิดชอบโครงการโรงเรียนมาตรฐานสากล
(World Class Standard School) เป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อให้ไปสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พุทธศักราช 2542 มาตรา 6 คือ
“การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย
จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข”
ซึ่งลักษณะของการเป็นมาตรฐานนั้นโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง
2 อย่าง ได้แก่ 1. การจัดการเรียนการสอนเทียบเคียงมาตรฐานสากล(หลักสูตรและการสอน) 2. การบริหารจัดการด้วยระบบคุณภาพตามระบบ TQA
การยกระดับการศึกษาให้เป็นโรงเรียนมาตรฐานสากลนั้นทางสำนักบริหารงานการ
มัธยมศึกษาตอนปลายได้เริ่มโครงการนี้มาตั้งแต่ปีการศึกษา
2553
เริ่มจากการการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียนในประเทศไทยจำนวน 500 โรงเรียน ต้องเปลี่ยนแปลงโรงเรียนให้เป็นมาตรฐานสากลโดยการเทียบเคียงหลักสูตรต่างๆ
ได้แก่ หลักสูตร English Program(EP) หลักสูตร Mini English Program(MEP) หรือหลักสูตร International English Program(IEP) อีกทั้งนำจุดเด่นของหลักสูตรต่างๆ มาหาจุดเน้น
จึงเกิดจุดเด่นของโครงการคือ
การพัฒนาการเรียนสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์โดยใช้ภาษาอังกฤษ อีกทั้งเพิ่มหลักสูตรความเป็นเลิศทางเฉพาะทาง (วิทย์-คณิต ภาษา อาชีพ ดนตรี กีฬา) โดยเริ่มจากการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมีทั้งหมด 4 วิชา
ได้แก่ ทฤษฎีองค์ความรู้
การเขียนเรียงความขั้นสูง โลกศึกษา
และการสร้างโครงงาน ซึ่งปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยน 4
รายวิชาเป็นหลักสูตรการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Independent Study)
โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการโรงเรียนมาตรฐานสากลนี้จะต้องสร้างผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพิ่มเติมจากของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดไว้กล่าวคือ ผู้เรียนต้องมีศักยภาพเป็นพลโลก ดังนี้
เป็นเลิศทางวิชาการ สื่อสารได้อย่างน้อย 2 ภาษา ล้ำหน้าทางความคิด ผลิตงานอย่างสร้างสรรค์ และร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคมโลก
นั้น ประเด็นการพัฒนาการเรียนสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์โดยใช้ภาษาอังกฤษ เป็นประเด็นที่น่าสนใจ ในปีแรกของการเข้าร่วมโครงการโรงเรียนมาตรฐานสากล
นับเป็นสิ่งท้าทายโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการในเรื่องการออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ควรจะออกแบบอย่างไร สุดท้ายก็จัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์โดยการจ้างครูต่างประเทศมาสอนเป็นระยะเวลา
1 ปี เล็งเห็นว่าครูต่างประเทศที่มาสอนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์นั้น จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางในการสอนเท่านั้น
แต่ขาดเทคนิคและวิธีการสอนที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะ/กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
เนื่องจากครูต่างประเทศไม่ได้เรียนจบทางด้านการสอนวิชาเอกวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์มาโดยตรง
ทางสำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้จัดตั้งโครงการใหม่ ชื่อว่า EIS :
English for Integrated Studies ที่เอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษ
โดยพัฒนาครูคนไทยที่ไม่เคยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการสอนมาก่อน นำหลักวิธีเรียนแบบคณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ และนำภาษาอังกฤษที่ง่าย สั้นและคุ้นเคย
มาประยุกต์ในกระบวนการเรียนการสอน สำหรับวิชาวิทยาศาสตร์ถ้าจัดให้ผู้เรียนได้รับการฝึกทักษะการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษโดยกระบวนการทักษะพื้นฐานการเรียนรู้แบบวิทยาศาสตร์หรือ
ทักษะการเรียนรู้แบบ OK Model อันได้แก่ ทักษะการสังเกต
การเปรียบเทียบ การจำแนกกลุ่ม การเชื่อมโยงความรู้ และการสรุปผลแบบอ้างอิง
จะส่งเสริมให้ผู้เรียน เรียนอ่าน-เขียนภาษาและเข้าใจภาษาอังกฤษที่อ่านเร็วขึ้น ส่วนวิชาคณิตศาสตร์ถ้าจัดให้ผู้เรียนได้รับการฝึกทักษะและใช้ระเบียบวิธีการทางคณิตศาสตร์
(Methodological Mathematics)
ที่เหมาะสมในการวิเคราะห์และแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่เป็นภาษาอังกฤษ
จะส่งเสริมและเพิ่มสมรรถนะในการเรียนรู้และเข้าใจภาษาอังกฤษ
ได้ง่ายและเร็วยิ่งขึ้นเช่นกัน
จะเห็นได้ว่าการปรับเปลี่ยนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ให้ครูไทยเป็นผู้สอนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษด้วยตนเองเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสมที่สุด ในการพัฒนาผู้เรียนและครูผู้สอนไปพร้อมกัน เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพโรงเรียนให้เป็นมาตรฐานสากลทั้งระบบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น