วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ความสุขในการเรียนรู้อยู่ไม่ไกล


                   ความสุขเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนแสวงหาและอยากมี ไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยใดก็ตาม นับตั้งแต่วันแรกไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ซึ่งมนุษย์แต่ละช่วงวัยมีความสุขที่แตกต่างกันไป ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นครูจึงอยากรู้ อยากค้นหาความสุขของผู้เรียน ในประเด็นดังนี้ สิ่งใดที่ทำให้ผู้เรียนมีความสุขในการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข ข้าพเจ้าได้ค้นหาคำตอบจากแหล่งข้อมูล หนังสือที่หลากหลาย พบหนังสือเล่มหนึ่งน่าสนใจ ได้แก่ “การเรียนรู้อย่างมีความสุข : สารเคมีในสมองกับความสุขของการเรียนรู้” โดย รศ.พญ.ศันสนีย์ ฉัตรคุปต์ และคณะ  สามารถนำมาตอบประเด็นที่ข้าพเจ้าสนใจได้

                   ในหนังสือเล่มนี้ทำให้ข้าพเจ้าค้นพบปัจจัยที่ทำให้ผู้เรียนมีความสุขในการเรียนรู้  โดยความสุขของผู้เรียนจะขึ้นอยู่กับเรื่องราวและประสบการณ์ที่มากระทบความรู้สึก ซึ่งการจัดการเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียนมีความสุขต้องคำนึงถึงสิ่งสำคัญหลายประการ ได้แก่ 1. สุขภาพร่างกายและความปลอดภัยจากยาเสพติด ผู้เรียนต้องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ไม่เสพสิ่งเสพติด ซึ่งสิ่งเสพติดเป็นตัวทำลายระบบการทำงานของสมอง จะส่งกระทบต่อสภาพจิตใจและสติปัญญา เป็นตัวทำลายสมองอย่างถาวร   โดยครูและผู้ปกครองเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการดูแลป้องกันการติดยาของผู้เรียน ดังนั้นครู พ่อแม่และผู้ปกครองจะต้องให้ความรัก ความเข้าใจ และความเอื้ออาทรต่อผู้เรียน 2. ภาวะทางจิตใจ ความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ การที่ผู้เรียนมีความสุขแสดงว่าผู้เรียนจะต้องไม่รู้สึกเบื่อหน่าย  ไม่รู้สึกว่าถูกบังคับให้เรียน  พ่อแม่ ครูและผู้ปกครองต้องเป็นบุคคลที่ทำให้เด็กเกิดความสนใจ เกิดความรู้สึกว่าสิ่งที่กำลังเรียนรู้เป็นสิ่งที่มีคุณค่า เรียนแล้วรู้ว่าจะนำความรู้ไปใช้ประโยชน์อะไร ซึ่งครูเป็นบุคคลที่สำคัญที่จะคอยกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ ส่งเสริมให้คิดบวก มีอิสระทางความคิด ไม่จำเป็นต้องมีอิสระทางร่างกายหรือมีอิสระทางพฤติกรรม เรียนรู้อย่างมีระเบียบวินัยในชั้นเรียน อีกทั้ง EQ เป็นสิ่งสำคัญทำให้ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข 3. กระบวนการศึกษาโดยเฉพาะการประเมินผล ผู้เรียนต้องได้รับการช่วยเหลือ สนับสนุนอย่างเต็มตามศักยภาพและความสามารถมากกว่าจะมาประเมินผลแล้วนำผลมาเปรียบเทียบจัดอันดับผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนเกิดความรู้สึกไม่ดี ไม่เป็นการพัฒนาให้เกิดความสุขในตัวเองและในชั้นเรียน 4. ครูและผู้บริหารโรงเรียน ครูเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน ผู้เรียนสนใจเรียนในวิชานั้นๆ เพราะครู รักครู ผู้เรียนอยากทำตัวเป็นคนดี อยากทำทุกอย่างเพื่อที่ครูจะได้ชื่นชม ซึ่งครูคนที่ผู้เรียนรักไม่ใช่ครูที่ตามใจ แต่เป็นครูที่ทราบว่าเวลาใด ควรจะเข้มงวด เวลาใดควรจะอ่อนโยน และที่สำคัญครูต้องทำให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าของตนเองเสมอ ผู้บริหารโรงเรียนจะเป็นผู้ให้การสนับสนุน ให้กำลังใจ และอำนวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้ให้บรรลุผลสำเร็จ ให้ผู้เรียนมีความสุขในการเรียนรู้  5. พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเข้าใจศักยภาพของผู้เรียนและส่งเสริมตามความสามารถที่ผู้เรียนมี ไม่ควรคาดหวังและเคี่ยวเข็ญให้ผู้เรียนทำในสิ่งที่เขาทำไม่ได้และไม่อยากที่จะทำ

                    เนื่องจากเรื่องราวที่มากระทบความรู้สึก ถ้าต้องการให้จดจำได้นาน ควรเป็นเรื่องราวที่ทำให้ผู้เรียนมีความสุข ไม่เกิดความเบื่อหน่าย ดังนั้นในกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียนมีความสุข ต้องมีความสนุกสนาน สร้างความประทับใจผู้เรียนมีเรื่องอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เน้นการลงมือกระทำ ทำให้ผู้เรียนจำได้ สนุกที่จะเรียนและมีความคิดในทางบวกต่อสิ่งที่กำลังเรียนรู้ เป็นการสอนแบบเรื่องราวหรือบูรณการที่เชื่อมโยงเรื่องราวหรือแนวคิด ให้สมองได้เห็นภาพการเชื่อมโยงของสิ่งที่เรียนรู้ในห้องเรียนกับความจริงในชีวิต จะให้ผู้เรียนจำได้และสนุกที่จะได้เรียนรู้มากขึ้น กระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจและเกิดความรักในสิ่งที่จะเรียนรู้

                   เมื่อผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข ย่อมเป็นแรงผลักดัน หรือแรงกระตุ้นให้ผู้เรียนมีแรงกาย แรงใจที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ดี  เพื่อให้บุคคลที่อยู่รอบข้าง และสังคมรอบตัวมีความสุขไปพร้อมกัน ถ้าในระบบการศึกษาไทยสามารถจัดการศึกษาให้ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข และมีความสุขในการเรียนรู้แล้วการศึกษาไทยจะประสบผลสำเร็จแน่นอน เพราะผู้เรียนจะดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เป็นสมาชิกที่มีประสิทธิภาพ ประพฤติ ปฏิบัติในสิ่งที่ดี เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และพร้อมที่จะถ่ายทอดความสุขส่งต่อให้กับรุ่นลูกหลานสืบต่อไป
 
 
 
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น