ช่วงนี้เป็นเทศกาลของการสอบกลางภาคภาคเรียนที่
1 ทั้งครูและนักเรียนต่างพากันเตรียมตัวรับเทศกาลนี้ โดยบทบาทของครู เป็นผู้สร้างแบบทดสอบ และบทบาทของผู้เรียนเป็นผู้เข้ารับการทดสอบ ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งในการวัดและประเมินผลผู้เรียนเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง
เมื่อกล่าวถึงเทศกาลสอบ ข้าพเจ้าอดที่จะคิดถึงเหตุการณ์หนึ่งไม่ได้
เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเศร้าใจให้กับตัวข้าพเจ้ามากกับอาชีพครู “ตอนนั้นข้าพเจ้าสอนวิชาคณิตศาสตร์ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่5ในโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
โรงเรียนนี้นักเรียนมีอัตราการแข่งขันทางการเรียนสูง ดังนั้นนอกเวลาเรียน
ไม่ว่าจะเป็นเวลาหลังเลิกเรียน วันเสาร์ หรือวันอาทิตย์
นักเรียนเกือบทุกคนเรียนพิเศษเพิ่มเติมกับครูในโรงเรียน หรือสถาบัน Tutor ต่างๆ (เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับครูและสถาบัน Tutor
อย่างยอดเยี่ยม) วันหนึ่งหลังจากการสอบวิชาคณิตศาสตร์เสร็จสิ้นลง
ข้าพเจ้าแอบได้ยินนักเรียนกลุ่มหนึ่งประมาณ 5 คน
เป็นกลุ่มนักเรียนในห้องที่สอนอยู่ พูดว่า....แบบทดสอบข้อที่เป็นอัตนัยเหมือนกับที่ครู
B ติวเลย และข้อที่เป็นปรนัยก็โอเคนะ ประโยคนี้ทำให้ข้าพเจ้าไม่สามารถระงับโทสะได้ จึงย้อนกลับถามนักเรียนไปว่า...พวกเธอเรียนพิเศษกับครู
B หรือ นักเรียนคนหนึ่งตอบทันทีว่า ใช่ค่ะ พร้อมกับสายตาที่จดจ้องของเพื่อนอีก
4 คน รวมกับพฤติกรรมต่างๆ ของครู B ที่ข้าพเจ้าเฝ้าสังเกต
สิ่งนี้ช่วยตอบสมมติฐานของข้าพเจ้าที่ว่า ครู B ผู้มีตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้
เป็นผู้ตรวจสอบและรวบรวมแบบทดสอบของครูทุกคนในกลุ่มสาระต้องนำข้อสอบที่ข้าพเจ้าและครูคนอื่นๆ
สร้างขึ้นไปติวนักเรียนอย่างแน่นอน สรุปว่าสมมติฐานนี้เป็นจริง” เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าเงินมีอำนาจเหนือคำว่า“จรรยาบรรณครู”จนทำให้ครูมองข้ามจรรยาบรรณครู 9 ประการ โดยเฉพาะข้อที่ 5 ครูต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์อันเป็นอามิสสินจ้างจากศิษย์ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติและไม่ใช้ศิษย์กระทำการใด ๆ อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ให้แก่ตนเองโดยมิชอบ ดังนั้นการสอบจึงไม่มีความหมายสำหรับครูผู้สอน และนักเรียน เพราะไม่สามารถวัดและประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนได้อย่างแท้จริง ไม่สามารถประเมินคุณภาพครูผู้สอนได้ ครูผู้สอนไม่ทราบถึงข้อบกพร่องของนักเรียนจากการใช้แบบทดสอบ ทำให้ไม่สามารถพัฒนานักเรียนได้ตรงจุด จะเห็นได้ว่าความเห็นแก่ได้ของครูคนหนึ่งเป็นสาเหตุทำให้ระบบการจัดการเรียนการสอนผิดพลาดไปจากความเป็นจริง เป็นการสร้างค่านิยมที่ผิดให้กับนักเรียน คือ เรียนเพื่อรู้ข้อสอบ ไม่ใช่เรียนเพื่อรู้ เข้าใจและประยุกต์ใช้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น